วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เกาะพะงัน สวรรค์กลางอ่าว

"พระจันทร์สวย
ทะเลใส
หาดทรายขาว
ปะการังเเพรวพราว
เพชรกลางอ่าว
เมืองคนดี"

คำขวัญนี้ของเกาะพะงัน

เกาะพะงัน เป็นเกาะเล็กๆแห่งหนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เกาะพะงันเป็น 1 ใน 2 อำเภอกลางทะเลของสุราษฏร์ธานี เกาะพะงันอยู่ห่างจากเกาะสมุยไปทางทิศเหนือประมาณ 20 กิโลเมตรและอยู่ห่างจากจังหวัดสุราษฏร์ธานี 100 กิโลเมตร เกาะพะงันเล็กกว่าเกาะสมุย มีภูมิประเทศเป็นภูเขาอยู่กลางเกาะทอดตัวจากทิศเหนือจดใต้ มีที่ราบบริเวณทิศตะวันตก ส่วนทิศตะวันออกเป็นเทือกเขาจดทะเล บางแห่งมีอ่าวเล็ก อ่าวน้อยให้เรือหลบลมได้







แผนที่เกาะพะงัน


เกาะพะงันเป็นอำเภอหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นอำเภอที่มีพื้นที่น้อยที่สุดของจังหวัด ตั้งอยู่ในอ่าวไทยห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศตะวันออกประมาณ 100 กิโลเมตร ห่างจากอำเภอเกาะสมุยประมาณ 15 กิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะใหญ่ 2 เกาะ คือเกาะพะงันมีพื้นที่ 168 ตารางกิโลเมตร และเกาะเต่ามีพื้นที่ 25 ตารางกิโลเมตร (รวม 193 ตารางกิโลเมตร)
"เมื่อพูดถึงเกาะพะงัน คงไม่มีใครไม่นึกถึง"ฟูลมูนปาร์ตี้"ซึ่งเป็นปาร์ตี้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก อันนี้คอร์นเฟิร์มโดยชาวพะงันแท้ๆเลยค่ะ นอกจากนั้น ฟูลมูนปาร์ตี้ยังเป็นแหล่งรายได้หลักของชาวเกาะพะงันอีกด้วย นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาเที่ยวยังเกาะพะงัน ส่วนใหญ่แล้วจะมาเที่ยวงานฟูลมูนปาร์ตี้กันทั้งนั้น แต่เกาะพะงันก็ยังมีสถานที่ดึงดูดความสนใจให้เที่ยวกันอีกเยอะ หลากหลายด้าน กรุ๊ปของเราจึงได้เลือกที่จะเดินทางสู่เกาะพะงัน เพื่อพิสูจน์ดูว่า น่าสนใจดั่งคำล่ำลือหรือเปล่า"



เริ่มออกเดินทาง ณ สายใต้ใหม่

"กว่าที่เราจะสามารถซื้อตั๋วได้ ทำเอาเหงื่อตกเหมือนเพิ่งอาบน้ำมาเลยเชียว T^T ทั้งนี้ก็เพราะว่าช่วงที่เราเลือกเดินทางไปกัน มันเป็นช่วงวันเข้าพรรษา ทำให้มีคนเดินทางกลับบ้านเกิด ภูมิลำเนากันเยอะมากมาก ตั๋วรถเลยเต็ม และยังไม่ได้มีการโทรศัพย์จองตั๋วล่วงหน้าอีกด้วย ทำให้เวลาไปถึงต้องวิ่งซื้อตั๋วให้ว่อนไปหมด สุดท้ายเราก็สามารถซื้อตั๋วรถเสริมได้ในราคาที่แพงมากมาก -_- ! จำใจยอม เห้อออ..... "




ท่าเทียบเรือดอนสัก

"การเดินทางสู่เกาะพะงันนั้น ไม่ใช่แค่ทางบกอย่างเดียว เราจะต้องนั่งเรือข้ามฟากไปพะงันที่ท่าเทียบเรือดอนสัก (ดอนสัก เป็นชื่ออำเภอในจังหวัดสุราษฎร์ธานี) ใช้เทียบเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไปยังเกาะพะงัน และเกาะสมุย สามารถบรรทุกได้ทั้งผู้โดยสาร ยานพาหนะคันใหญ่-เล็ก สำหรับผู้โดยสาร 1 ท่าน ค่าตั๋วเรือไปเกาะพะงัน 220 บาท ในเรือคนเยอะมากเสียด้วย เราจึงต้องรีบวิ่งไปหาที่นั่ง ก่อนที่จะไม่มีที่ให้นั่งเสียก่อน "



ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์เกาะพะงัน




"นั่งเรือประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ เรือก็เเล่นเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือท้องศาลา ใกล้ๆกันกับท่าเรือก็จะเป็นเกาะแตนอก และเกาะแตใน เป็นท่าเรืออเนกประสงค์ที่ใช้เพื่อให้เรือต่างๆเข้าเทียบ ทั้งเรือเฟอร์รี่ เรือสปีดโบ้ท เรือนอน บริเวณนั้นจะมองเห็นรถรับส่งผู้โดยสาร ทั้งรถแท็กซี่ รถตู้ มอเตอร์ไซต์รับจ้าง รวมถึงบรรดาไกด์ที่มารอรับ หรือ แย่งผู้โดยสารซึ่งส่วนมากก็คือ ชาวต่างชาติ ในที่สุดเราก็ลงจากเรือเพื่อหาเพื่อนของเพื่อนที่มารอรับเราไปส่งยังที่พัก"




ที่พักของเรา Pha ngan Utopia Resort (พะงัน ยูโทเปีย รีสอร์ท)


"ในที่สุดก็มาถึงที่พัก พะงัน ยูโทเปีย รีสอร์ท สวยมาก ไม่สวยได้ไงล่ะ ก็ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ซึ่งวิวของเขาเนี่ยสวยมากๆ ข้างล่างคล้ายกับหน้าผา มีทะเลข้างล่าง คล้ายๆกับอ่าว วันไหนอากาศดีหน่อยก็จะมองเห็นเกาะเต่าอีกด้วย ซึ่งรีสอร์ทที่ว่านี่ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 7 ตำบลโฉลกหลำ อำเภอเกาะพะงัน"
"หลังจากที่เดินสำรวจและชมวิวรอบๆรีสอร์ทแล้วก้เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาหย่างกะทันหัน ทุกคนจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ กินข้าว"


ร้านสำเภา อาหารมื้อแรกที่พะงัน




"เราไปกินข้าวกันไกลจากที่พักมาก เพราะเรามากันถึงท้องศาลา ซึ่งเป็นบริเวณท่าเรือนั่นเอง กว่าจะถึงตาก็ลายหมดแล้ว แต่พออาหารตกถึงท้องไปเท่านั้น รู้สึกว่าอิ่มอกอิ่มใจและก็เริ่มมีเรี่ยวแรงที่จะออกไปท่องโลกกว้างบนเกาะแห่งนี้ซะเหลือเกิน"



หาดริ้นยามเย็น





ชาวต่างชาติหล่อมาก



เม็ดทรายขาวเนียนละเอียด




พอเริ่มค่ำ แสง สีเสียง ก้เริ่มเพิ่มมากขึ้น

"เราเริ่มต้นกันที่หาดริ้น หาดที่จัดงานฟูลมูนปาร์ตี้ขึ้น แต่วันที่ไปไม่ใช่คืนวันพระจันทร์เต็มดวง จึงไม่มีงานฟูลมูนปาร์ตี้ แต่จริงๆแล้ว ที่หาดริ้นจะมีปาร์ตี้ทุกคืน ต่างกันตรงที่ว่า ฟูลมูนปาร์ตี้จะมีคนเยอะกว่าปกติ มันส์ยิ่งกว่า สนุกยิ่งกว่า เม็ดทรายที่นี่ขาว เนียน ละเอียดมาก มีการแสดงโชว์เล่นไฟตามบาร์หรือร้านอาหารต่างๆ ซึ่งจะพิเศษกว่าทุกๆคืน"
"หาดริ้น ซึ่งคนสมัยก่อนเล่าว่า ที่แห่งนี้เมื่อก่อนมีตัวริ้นเยอะมาก เค้าก็เลยเรียกหาดนี้ว่า หาดริ้น ลักษณะเด่นของหาดนี้คือ เป็นอ่าวที่มีน้ำทะเลสีใส หาดทรายขาวเนียน เเละเป็นจุดชมพระจันทร์วันเพ็ญที่สวยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกอีกด้วย ซึ่งพระจันทร์จะลอยเด่นอยู่เหนือน้ำทะเลตรงกลางอ่าว ส่องแสงสะท้อนระยิบระยับบนผิวน้ำ สวยอะไรเช่นนี้"




พระจันทร์วันเพ็ญ




"วันนี้พวกเราทำอาหารกินกันเอง สถานที่ประกอบการก็เป็นบ้านของเพื่อนเราเองค่ะ เมนูวันนี้ก็จะมีนี่เลย กุ้งแช่น้ำปลา กุ้งสดๆ สดมากถึงมากที่สุด รสชาติหวาน กรุบกรอบ น้ำจิ้มซีฟู้ดก้แซ๊บแซ่บ ไก่ต้มน้ำปลา และก็ส้มตำปูปลาร้า สะเด็ดที่สุดเลยมื้อนี้"


โชว์เล่นไฟ



"พอตกเย็น เราก็เริ่มออกเดินทางไปยังท้องศาลา เพื่อจะไปดูบรรยากาศบริเวณท่าเรือนั่นเอง"


ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ เกาะพะงัน ชื่อเต็มๆเลยนะเนี่ย




ผู้โดยสารที่กำลังจะลงเรือข้ามฟาก

"วันนี้ไปหาดสน หรือแหลมสน มีลักษณะเด่นเฉพาะตัว ชายหาดไม่ยาวมากนัก แต่มีทรายที่ละเอียดไม่แพ้ทรายที่หาดริ้นเลย หาดแห่งนี้สงบมากเลยทีเดียว ตอนที่ไป น้ำทะเลกำลังลดลงด้วย จึงได้ลงเดินเล่นในทะเลที่ทีเพียงแค่เม็ดทราย"




นี่แหละ หาดสน


เงียบสงบ



หาดสน รีสอร์ท รีสอร์ทแห่งเดียวบนหาดสนแห่งนี้


"จากนั้นก็ไปต่อกันที่อ่าวหินงาม อยู่ที่ตำบลโฉลกหลำอีกเช่นเคย ต้องขอบคุณยานพาหนะคันน้อยๆคันนี้ด้วย ที่พาเราไปทุกที่ทุกแห่งหน"



ยานพาหนะคันโปรด พร้อมโชว์เฟอร์ใจดี




มาถึงแล้ว อ่าวหินงาม



หินงามจริงๆด้วยค่ะ สวยจริงๆ


"อ่าวหินงาม เป็นอ่าวเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยก้อนหินก้อนเล้กก้อนน้อย ดูสวยงามแบบธรรมชาติดี ทางเดินลงมายังอ่าวจะเป็นขั้นบรรไดที่สูงชันมาก ตอนเดินลงเพียงไม่กี่อึดใจ แต่พอจะเดินขึ้นไปถึงกับถอนหายใจเฮือกเลย"
"แล้วเราก็เดินทางต่อไปยังวนอุทยานแห่งชาติ น้ำตกแพง ช่วงนี้ไม่มีน้ำด้วย เขื่อนน้ำล้นจึงไม่มีน้ำให้ล้นออกมา"


อุทยานแห่งชาติ น้ำตกแพง


"ออกจากน้ำตกแพง ก็ไปต่อกันที่ศาลเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งก็ตั้งอยู่ที่โฉลกหลำอีกเช่นเคย"


ศาลเจ้าแม่กวนอิม

"พูดถึงโฉลกหลำ หน้าตามันเป็นยังไง ไปดูกันดีกว่า"


ถนนหนทาง ณ โฉลกหลำ




ท่าเรือโฉลกหลำ


"พะงัน ซาฟารี ที่นี่มีสัตว์เยอะพอสมควร มีไซต์บิ๊ก ไซต์เล็ก ทั้งช้าง ม้า นก งูพิษ สกั๊งค์ กระต่าย ลิง ประมาณนี้ ที่น่ากลัวสุดคงเป็นงู ซึ่งมีรวบรวมไว้เยอะมาก"



พะงัน ซาฟารี




สัตว์โลก ^^



น่ารัก ?


"มื้อนี้ก็ขอทำส้มตำกินกัน เครื่องปรุง เครื่องเคียง และเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมลุย จากนั้นก็ตำแหลก 5-6 ครกเห็นจะได้ ทั้งตำไทยปู ตำปูปลาร้า ตำซั่ว เเต่ละครกเเซ่บสุดๆ"


ตำแหลก

"หลังจากกินกันจนอิ่มหนำสำราญ ก็พาร่างกายไปอาบน้ำและนอนหลับพักผ่อนเพื่อเอาเเรงในวันต่อไป"
"ซึ่งพอเย็นของอีกวันหนึ่ง เราก็เริ่มออกเที่ยวกันอีกเช่นเคย คราวนี้ไปกันที่ท่าเรือท้องศาลา แต่เป็นท่าเก่า เป็นจุดชมวิวที่สวยมากจุดหนึ่งยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน รอบๆจะมีคลองซึ่งชาวประมงใช้เป็นที่เทียบเรือประมง หรือหลบพายุ"


มองเห็นเกาะแตใน





"เมื่อเริ่มหิว โปรแกรมต่อไปก็คือ บาร์บีคิว พร์คแพน หรือ หมูกระทะดีดีนั่นเอง ร้านที่เราจะไปชื่อว่า ร้าน ครัวสุพรรณ เป็นคนสุพรรณหรือยังไงกัน"

เจ้าหมาน้อยตัวนี้ เป็นของเจ้าของร้าน ชื่อ บุฟเฟ่ต์

"และแล้ว คืนและวันที่รอคอยก็มาถึง เพราะคืนนี้เป็นคืนที่มีงานฟูลมูนปาร์ตี้ ทุกคนตื่นเต้น และก็รีบแต่งตัวตั้งแต่ตอนค่ำ แต่หากรีบไปหาดริ้นตั้งแต่ค่ำๆ งานก็ยังไม่สนุก ฝรั่งยังไม่เมา จึงต้องรอโอกาสดีดี เหมาะเจาะที่สุดแล้วค่อยขึ้นไป ก็ประมาณเวลา 23.00 เป็นต้นไปนี้คือกำลังเข้าได้เข้าเข็ม ว่าแล้วก็รีบเดินทางออกไปกัน"



"ผ่านไปแล้ว ทริปนี้ของเรา ทั้งสนุก ทั้งมันส์ ทั้งประทับใจ อย่างสุดซึ้ง ^^ เกาะพะงันมีดีหลายอย่าง หากคุณยังไม่เคยไปสถานที่แห่งนี้ หรือมองข้ามไป ทางเรายืนยันและการันตีได้เลยว่า มันยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะฟูลมูนปาร์ตี้ สวรรค์บนดินชัดชัดเลยค่ะ หากได้มาเที่ยวพะงัน รับรองได้เลยว่าไม่มีคำว่าผิดหวังอย่างแน่นอน อยากจะแนะนำว่าควรจะมาในช่วงงานฟูลมูนปาร์ตี้ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ ของทุกเดือน แต่หากเดือนไหนตรงกับวันสำคัญทางศาสนา เช่นเข้าพรรษา ออกพรรษา วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วันอาสาฬหบูชา เป็นต้น ก็จะทำการเลื่อนจัดงานไป 1 หรือ 2 วัน เพื่องดขายเหล้า ดื่มเหล้า และอบายมุข เห็นได้เลยว่าชาวเกาะพะงันยังมีคุณธรรมที่ดีงามอยู่ ที่แนะนำช่วงนี้ก็เพราะว่า นักท่องเที่ยวจะเยอะเป็นพิเศษ มีความครึกครื้น และควรทำการจองห้องพักไว้ล่วงหน้า เพราะในช่วงนี้ห้องพักจะเต็มเร็ว และมีราคาสูงกว่าช่วงปกติค่ะ ไปเที่ยวกันเยอะๆนะคะ"


บรรยากาศเจ๋งมากๆ



ต่างคนต่างแดนซ์ใส่กันอย่างสุดเหวี่ยง

เป็นจุดที่มีวิวทิวทัศน์สวยมากจุดหนึ่ง

พระอาทิตย์อัสดง

หรอยจังหู้

บันทึกของปินโต

395 ปี บันทึกของปินโต : หลักฐานประวัติศาสตร์นิพนธ์ หรือนิยายผจญภัย
(395 Years Pinto’s Pérégrinação : an Account of Historiography or Adventurous Novel)





แฟร์เนา เมนเดส ปินโต ( Freneau Mendez Pinto ค.ศ.1509-1583)

เรื่อง “Pérégrinação”ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกในปีค.ศ.1614 เป็น เรื่องเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม ภูมิประเทศ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และเหตุการณ์บ้านเมืองต่างๆ รวมทั้งอัตชีวประวัติของเขาอย่างน่าตื่นเต้นและเหลือเชื่อ จนมีการใช้ชื่อของปินโตเล่นคำเชิงล้อเลียนว่าพูดจริงหรือเท็จอย่างสนุกสนานโดย ชนชาติศัตรูของโปรตุเกสในยุโรปหรือแม้แต่ชาวโปรตุเกสบางคน บันทึกของปินโตถูกอ้างอิงจากนักประวัติศาสตร์ไทยอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพมาจนปัจจุบัน

ประวัติของปินโต


ปินโต เป็นชาวเมืองมองเตอมูร์เก่า (Montemor-o-velho) ใกล้เมืองกูอิงบรา (Coinbre) ใน ราชอาณาจักรโปรตุเกส ปินโตเกิดในครอบครัวยากจนระหว่างค.ศ. 1509-1512 เมื่ออายุประมาณ 10 หรือ 12 ขวบจึงต้องเป็นเด็กรับใช้ของสุภาพสตรีผู้หนึ่ง ใน ค.ศ. 1523 ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตรายจนต้องหลบหนี ลงเรือจากเมืองกูแอ ดึ แปดรา (Cuede Pedra) การผจญภัยของปินโตเริ่มขึ้นเมื่อเดินทางไปถึงเมืองดิว (Diu) ในอินเดียในค.ศ.1538 ขณะมีอายุได้ 28 ปี เขา เดินทางกลับมาตุภูมิเมื่อวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1558 รวมเป็นเวลา 21 ปีของการแสวงโชคในเอเชีย ปินโตเคยเดินทางไปใน เอธิโอเปีย จีน อาณาจักรของชาวตาร์ตาร์ (Tataria) โคชินไชนา สยาม พะโค ญี่ปุ่น และ หมู่เกาะอินเดียตะวันออกในน่านน้ำอินโดนีเซียปัจจุบัน
ปินโตเคยเผชิญปัญหาเรืออับปาง 5 ครั้ง ถูก ขาย 16 ครั้งและถูกจับเป็นทาสถึง 13 ครั้ง ชีวิตใน เอเชียของปินโตเคยผ่านการเป็นทั้งกลาสีเรือ ทหาร พ่อค้า ทูตและนักสอนศาสนา (missionary) เมื่อเดิน ทางกลับไปถึงโปรตุเกสในปีค.ศ.1558 เขา จึงพยายามติดต่อขอรับพระราชทาน บำเหน็จรางวัล เนื่องจากได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ และศาสนาอย่างเต็มที่ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจาก ราชสำนัก ปินโตจึงไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองปรากัลป์ (Pragal) ใกล้เมืองอัลมาดา (Almada) ทางใต้ของโปรตุเกสปินโต เขียนหนังสือชื่อ “Pérégrinação”ขึ้น และถูกตีพิมพ์หลังจากเขาถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1583
ปินโตเคยเดิน ทางเข้าสยาม 2 ครั้ง (กรมวิชาการ, 2531: 115) ครั้งแรกเข้ามาในปัตตานีและนครศรี ธรรมราชก่อนค.ศ.1548 ครั้งที่ 2 เข้ามายังกรุงศรีอยุธยาในรัช สมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช (ค.ศ.1534-1546) นัก ประวัติศาสตร์บางคนนำ หลักฐานของฝ่ายไทยเข้าไปตรวจสอบความน่าเชื่อถือในเอกสารของเขาหลายประเด็น และชี้ให้เห็นความคลาดเคลื่อนของศักราชที่เขาอ้างถึง รูปแบบการนำเสนองานเขียนของปินโตถูกนำเสนอในรูปของร้อยแก้ว บางตอนก็ระบุว่าเรื่องที่ได้ยินได้ฟังมาจากคำบอกเล่าและการสอบถามผู้รู้ อาทิ เหตุการณ์เมื่อสมเด็จพระไชยราชาธิราชเสด็จ สวรรคต บางตอนก็ระบุว่าเป็นผู้มีประสบการณ์ด้วยตน เอง เช่น เหตุการณ์เดินทางเข้ามายังสยาม 2 ครั้ง (กรมวิชาการ, 2531:115) เป็นต้น
ปินโตระบุว่า การเล่าเรื่องการเดินทางของเขามีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มีการเรียนรู้สภาพ ภูมิศาสตร์ของโลกให้มากยิ่งขึ้น มิได้มีจุดประสงค์ที่จะก่อให้เกิดความท้อถอยในการติดต่อกับดินแดนแถบเอเชีย เขาระบุว่าอุทิศการทำงานให้แก่พระเจ้ามิได้หวังชื่อ เสียง สิ่งที่ผลักดันให้เขาเดินทางไปยังตะวันออก คือ ธรรมชาติเป็นที่น่าสงสัยว่าหากลา ลูแบร์เคยได้ยินการเสียดสีงานเขียนของปินโตมาบ้างก่อนที่จะเดินทางเข้ามาส ยาม เขาควรจะได้ตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานจากผู้รู้ พื้นเมืองชาวสยามอีกครั้ง ก่อนจะตีพิมพ์งานเขียนของตนที่กรุงอัมสเตอร์ดัมในปีค.ศ.1714 เพราะงานเขียนของปินโตเคยถูกล้อเลียนมาแล้วอย่างอื้อฉาว แต่กลับไม่ปรากฏข้อวิพากษ์ความน่าเชื่อถือของปินโตในงานของลาลูแบร์
คุณค่าทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับราชอาณาจักรสยาม
บันทึกของปินโตนับเป็นเอกสารสำคัญที่กล่าวถึงเรื่องราวส่วนหนึ่ง เกี่ยวกับทรัพยากร การทหาร วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ กฎหมายและเรื่องราวในราชสำนักสยามกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และมักจะถูกอ้างอิงเสมอเมื่อกล่าวถึงบทบาททางการทหารของชุมชนโปรตุเกสในรัช สมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช (ค.ศ.1543-1546) เมื่อเกิดศึกระหว่างสยามกับเชียงใหม่ขึ้นใน ค.ศ.1548 (พ.ศ.2091) ปินโต กล่าวว่า
“ชาวต่างประเทศทุกๆชาติที่ไปร่วมรบกับกษัตริย์ สยามนั้นต่างก็ได้รับคำมั่น
สัญญา ว่า จะได้รับบำเหน็จรางวัล การยกย่อง ผลประโยชน์ ความชื่นชมและเกียรติยศชื่อเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะได้รับอนุญาตให้สร้างโบสถ์เพื่อการปฏิบัติศาสนกิจในแผ่น ดินสยามได้....”
การเข้าร่วมรบในกอง ทัพสยามครั้งนั้นเป็นการถูกเกณฑ์ หากไม่เข้าร่วมรบก็จะถูกขับออกไปภายใน 3 วัน ด้วย เหตุนี้จึงมีชาวโปรตุเกสถึง 120 คน จากจำนวน 130 คน อาสาเข้าร่วมรบในกองทัพสยาม เหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึก ไว้ในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาว่าเป็นศึกเมืองเชียงกรานซึ่งเกิด ขึ้นในค.ศ.1538 (พ.ศ.2081) คลาดเคลื่อนไปจากที่ระบุในหลักฐานของปินโต 10 ปี
ดับ เบิลยู. เอ.อาร์. วูด (W.A.R. Wood) ชี้ว่าควรจะอ่านงานเขียนของปินโตในฐานะที่เป็นเรื่องราวของชายชราที่ได้เดิน ทางกลับไปสู่มาตุภูมิอีกครั้งหนึ่งเพื่อความบันเทิง มิ ใช่เป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ที่เขียนขึ้นวันต่อวัน และ ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความแม่นยำของปีศักราชในบันทึกชิ้นนี้ด้วย
อย่างไรก็ดี ดึ กัมปุช อดีตกงสุลใหญ่โปรตุเกสเมื่อค.ศ.1936 กลับชี้ว่าหลักฐานของปินโตแสดงให้เห็นว่าเขาเคยเดินทางเข้ามายังสยามจริง (Campos, 1940 : 14-15) และสิ่งที่สนับสนุนความน่าเชื่อถือในงานของปินโต คือ การยกงานเขียนในชั้นหลังๆมาเทียบเคียงความเป็นไปได้และความถูกต้องของเรื่องราว โดยเฮนรี โคแกน (ดูคำประกาศในฉบับแปลของHenry Cogan,1653 : ไม่มีเลขหน้า)
หลักฐานของปินโตกับปัญหาในการศึกษาชุมชนโปรตุเกสสมัยอยุธยา
หากนักเรียนประวัติศาสตร์คนใดจะนำงานเขียนของปินโตมาใช้ในการตรวจสอบเรื่องราว เกี่ยวกับตำแหน่งหัวหน้าค่ายโปรตุเกส ความสัมพันธ์ ของคนภายในค่าย ความสัมพันธ์ระหว่างค่ายโปรตุเกสกับ ราชสำนักอยุธยา ความสัมพันธ์ระหว่างค่ายโปรตุเกสกับ มะละกา กัว มาเก๊า และราชอาณาจักรโปรตุเกส รวมไปถึง อาชีพ จำนวนคนและความเป็นอยู่ในค่ายโปรตุเกสสมัย อยุธยา ก็อาจจะต้องใช้ความพยายามในการศึกษาและ วิเคราะห์หลักฐานชิ้นนี้มากพอสมควร ปินโตระบุว่านัก สอนศาสนาก็จำเป็นต้องเผยแพร่ศาสนาภายใต้นโยบายของราชสำนักหรือผู้สำเร็จ ราชการโปรตุเกสแห่งเมืองกัวเช่นเดียวกับข้าราชการทั่วไป เมื่อ นักบุญฟรานซิส ซาเวียร์(St. Francis Xavier)จะออกไปเผยแพร่ศาสนาในญี่ปุ่น ท่านก็ต้อง เดินทางจากมะละกาไปยังกัว เพื่อรับฟังนโยบายของผู้ สำเร็จราชการ
สรุปงานนิพนธ์ของปินโตมีคุณค่าในทางประวัติศาสตร์มากกว่าจะถูกมอง ว่าเป็นเพียงวรรณกรรมประโลมโลกหรือนิยายผจญภัยของกลาสีเรือ แม้ เนื้อหาบางตอนจะดูตื่นเต้นเร้าใจเกินกว่าจะมีความสมจริงตามทัศนะของนัก ประวัติศาสตร์ แต่ในสภาวะที่ยุโรปเพิ่งจะพ้นจากยุคแห่งการจุดไฟเผาหญิงสาวที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นแม่มดและยังคงเคร่งต่อจริยธรรมทางศาสนา มีใครบ้างที่จะกล้าเปิดเผยต่อสาธารณชนว่าตนเองเคยรับประทานเนื้อมนุษย์เพื่อ ประทังชีวิตกลางทะเลหลังจากถูกโจรสลัดโจมตี ข้อถกเถียงในงานของปินโตอาจจะมีอยู่ไม่น้อย แต่ มีหลักฐานประวัติศาสตร์ชิ้นใดบ้างที่ปราศจากคำถามและความเคลือบแคลง งานของปินโตถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความแม่นยำของศักราชก็เพราะบันทึกของ เขาเป็นเอกสารที่เขียนขึ้นจากความทรงจำเมื่อเขาเดินทางกลับไปใช้ชีวิตอยู่ใน โปรตุเกสระยะหนึ่งแล้ว
เอกสารอ้างอิง
นิธิเอียวศรีวงศ์. 2523. ประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา.
นิธิเอียวศรีวงศ์และอาคมพัฒิยะ. 2525. หลักฐานประวัติศาสตร์ในประเทศไทย.
มานพถาวรวัฒน์สกุล. 2536. ขุนนางอยุธยา.
ราชบัณฑิตยสถาน. 2550. กฎหมายตราสามดวงฉบับราชบัณฑิตยสถานเล่ม1.
วิชาการ. กรม . 2531. 470 ปีสัมพันธไมตรีระหว่างไทยและโปรตุเกส.
ศิลปากร. กรม. 2536. การท่องเที่ยวผจญภัยของแฟร์นังด์มังเดซปินโตค.ศ.1537-1558.
สันต์ท. โกมลบุตร(แปล). 2510.จดหมายเหตุลาลูแบร์ฉบับสมบูรณ์เล่ม 1.
สุเนตรชุตินทรานนท์. 2538. บุเรงนองกะยอดินนรธา.
Campos, Joaquim de.1959. “Early Portuguese accounts of Thailand” Journal of The Siam
Society Volume VII.
Cogan, Henry. trans. 1653.The Voyages and Adventures of Fernand Mendez Pinto.
Collins, The.1987. English Portuguese Portuguese English Dictionary.
Hutchinson, E.W. 1940.Adventurers in Siam in the Seventeen Century.
Wood, W.A.R. 1959 .“Fernão Mendez Pinto’s Account of Events in Siam”Journal of The
Siam Society Volume VII.

บทที่ 7

ตัวแทนจำหน่ายการท่องเที่ยว
แทรเวล เอเจนซี่ (Travel agency)ผู้เชี่ยวชาญทางอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ความหมายของแทรเวลเอเจนซี่ไว้ ดังนี้
Travel agency: a retail business authorized to sell travel products on behalf of vendors such as airlines, rail companies, and lodging establishments.
(Foster, 1994:371)
แทรเวลเอเจนซี่ หมายถึงธุรกิจขายปลีกที่ได้รับอนุมัติให้ขายผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวแทนผู้ประกอบการธุรกิจ เช่น สายการบิน สายการเดินเรือ บริษัทรถไฟ และสถานที่พักแรม
Travel agency: business that helps the public with their travel plans and needs.
(Mancini, 2005:7)
บทบาทหน้าที่ของแทรเวลเอเจนซี่
1) จัดหาราคาหรืออัตราสินค้าทางการท่องเที่ยว
2) ทำการจอง
3) รับชำระเงิน
4) ทำการส่งบัตรโดยสารหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง
5) ช่วยเหลือลูกค้าในการซื้อสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวอื่นๆ
6) ช่วยดำเนินการในการซื้อบัตรโดยสาร
7) ออกบัตรโดยสารเครื่องบินและเอกสารอื่นๆ
1. จัดหาราคาหรืออัตราสินค้าทางการท่องเที่ยว
แทรเวลเอเจนซี่มีหน้าที่จัดหาราคาต่างๆเช่นค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน ราคาห้องพักของโรงแรม ราคารถเช่า ราคาทัวร์แบบเหมาจ่าย ราคาค่ารถไฟหรือรถประจำทาง ค่าประกันภัยเป็นต้น
2. ทำการจอง
หน้าที่ลำดับที่สองคือ ทำการจอง โดยทั่วไปการจองบัตรโดยสารเครื่องบินจะเกี่ยวข้องกับการวางแผนเส้นทางการบินและการต่อเครื่องบินจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ในการจองบัตรโดยสารเครื่องบินแทรเวลเอเจนซี่ต้องการข้อมูลต่าง ๆ ดังนี้
2.1 จำนวนผู้โดยสารพร้อมชื่อและนามสกุล
2.2 เบอร์โทรศัพท์
2.3 ที่อยู่ทางไปรษณีย์
2.4 ชื่อผู้จอง
2.5 ข้อมูลความต้องการบริการพิเศษ
2.6 วันที่ออกบัตรโดยสาร
2.7 รูปแบบการชำระเงิน
3. รับชำระเงิน
แทรเวลเอเจนซี่ ที่ได้รับการรองรับจาก arc จะได้รับอนุญาติให้รับชำระเงินค่าบัตรโดยสารได้ทุก ๆ สัปดาห์ แทรเวลเอเจนซี่จะต้องส่งรายงานให้กับ arc เกี่ยวกับจำนวนบัตรโดยสารที่ขายและจำนวนเงินที่ได้รับจากการขายรายได้จากการขายบัตรโดยสารจะต้องนำเข้าบัญชีพิเศษที่เรียกว่า settlement account
1) ทำการส่งบัตรโดยสารหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง
แทรเวลเอเจนซี่มีหน้าที่จัดส่งบัตรโดยสารหรือเอกสารเกี่ยวกับการเดินทางอย่างไรก็ตามโดยทั่วไปลูกค้าส่วนใหญ่มักจะไปรับบัตรโดยสารเอง
2) ช่วยเหลือลูกค้าในการซื้อสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวอื่นๆ
แทรเวลเอเจนซี่ส่วนใหญ่มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวอื่นๆนอกเหนือจากการขายบัตรโดยสารเครื่องบิน สินค้าและบริการเหล่านั้นได้แก่
· ทัวร์แบบเหมาจ่าย(package tours)
· เรือสำราญ(cruises)
· โรงแรม(hotel)
· ค่าเช่ารถ(car rentals)
· ค่าทัศนาจร(sight-seeing excursions)
· ค่าโดยสารรถประจำทาง(bus transportation)
· ค่าประกันภัยในการเดินทาง(travel insurance)
· settleากการขายบัตรโดยสารจะต้องนำเข้าบัญชีพิเศษที่เรียกว่า์แทรเวลเอเจนซี่จะต้องๆดังนี้
· ส้นทางการบินและการต่อเครื่องบินจากจุดหค่าโดยสารรถไฟ(rail transportation)
6.ช่วยดำเนินการในการซื้อบัตรโดยสาร
แทรเวลเอเจนซี่ ที่ไม่ได้เน้นการขายบัตรโดยสารเครื่องบินอาจไม่สามรถออกบัตรโดยสารเอง แต่จะซื้อบัตรโดยสารจากเอเจนซี่อื่น หรือจากสายการบิน
7.ออกบัตรโดยสารเครื่องบินและเอกสารอื่นๆ
ในสหรัฐอเมริกาการจะขายบัตรโดยสารเครื่องบินได้นั้นแทรเวลเอเจนซี่จะได้รับการรับรองจาก arc และการบัตรโดยสารเครื่องบินระหว่างประเทศจะต้องได้รับการรับรองจาก IATA ในการที่จะได้รับการรับรองเอเจนซี่ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
1) มีผู้จัดการที่ทำงานเต็มเวลา ซึ่งมีคุณสมบัติตามที่arcต้องการ
2) จะต้องมีพนักงานอย่างน้อย 1คนที่มีประสบการณ์ในการออกบัตรโดยสารมาแล้วอย่างน้อย1ปีในช่วง เวลา3ปีที่ผ่านมา
3) จะต้องมีเงินประกัน หรือจดหมายรับรองสถานภาพการเงินซึ่งตรงตามเงื่อนไขของ ARC
ประโยชน์ของการใช้บริการของแทรเวลเอเจนซี่
· แทรเวลเอเจนซี่มีความชำนาญในการหาข้อมูลและการวางแผนท่องเที่ยว
· แทรเวลเอเจนซี่สามารถหาข้อเสนอหรือราคาที่ดีที่สุด
· แทรเวลเอเจนซี่ช่วยประหยัดเวลาและความลำบาก
· แทรเวลเอเจนซี่ช่วยแก้ไขปัญหาได้เมื่อเกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหา
· แทรเวลเอเจนซี่รู้จักผู้ประกอบธุรกิจมากกว่า
· แทรเวลเอเจนซี่รู้จักแหล่งท่องเที่ยวดีกว่า
ประเภทของแทรเวลเอเจนซี่
เมื่อประมาณ3ทศวรรษที่ผ่านมา แทรเวลเอเจนซี่จะมีลักษณะคล้ายกันคือมีขนาดเล็กและเป็นธุรกิจของครอบครัวและให้บริการที่อยู่ในทำเลใกล้เคียงโดยมักจะขายผลิตภัณฑ์และบริการท่องเที่ยวหลากหลายประเภทโดยอาจสรุปได้ 4ประเภทคือ
1) แบบที่มีมาแต่เดิม ( a conventional agency)
2) แบบที่ขายทางอินเตอร์เน็ต (online agencies)
3) แบบที่ชำนาญเฉพาะทาง (specialized agencies)
4) แบบที่ประกอบธุรกิจจากที่พัก (home based agencies)
1. แบบที่มีมาแต่เดิม
แทรเวลเอเจนซี่ ประเภทนี้มักขายผลิตภัณฑ์และบริการทางการท่องเที่ยวที่หลากหลายและเต็มรูปแบบเช่นขายบัตรโดยสารเครื่องบิน ที่พัก บริการเช่ารถ บัตรโดยสารรถไฟ เรือสำราญ โปรแกรมทัวร์แทรเวลเอเจนซี่พวกนี้อาจแบ่งย่อยได้อีกตามลักษณะการบริหารการจัดการ
1.1 แทรเวลเอเจนซี่เป็นเครือข่าย
1.2 แทรเวลเอเจนซี่แบบแฟนไชส์
1.3 แทรเวลเอเจนซี่อาจเกี่ยวข้องกันในลักษณะของคอนซอเตียม
1.4แทรเวลเอเจนซี่แบบอิสระ
2. แบบที่ขายทางอินเตอร์เน็ต
แบบที่ขายทางอินเตอร์เน็ตเริ่มเกิดขึ้นเมื่อ10ปีที่ผ่านมาเอเจนซี่ประเภทนี้ประกอบธุรกิจผ่านทางอินเตอร์เน็ตและบางครั้งอาจให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์บ้าง
3. แบบที่ชำนาญเฉพาะทาง
เอเจนซี่แบบอิสระ และแบบที่เป็นส่วนหนึ่งของคอนซอเตียม พบว่าอาจจะทำธุรกิจได้ดีขึ้นหากขายไปยังกลุ่มตลาดลูกค้าที่มีความต้องการเฉพาะทาง เช่น ตลาดนักธุรกิจ ตลาดเรือสำราญ ตลาดลูกคาระดับสูงเป็นต้น
4. แบบที่ประกอบธุรกิจจากที่พัก
ในปัจจุบันที่ธุรกิจต่าง ๆสามารถทำได้โดยผ่านทางอินเตอร์เน็ต ผู้ประกอบการแทรเวลเอเจนซี่อาจจะปรับเปลี่ยนบ้านหรือที่พักเป็นสำนักงาน ซึ่งเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยังสำนักงาน ละไม่ต้องใช้งบประมาณสูง
ประโยชน์ของการใช้บริการของบริษัท1) ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
ทัวร์ที่มีการวางแผนอย่างดี และจัดได้ดีจะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวและชมสถานที่ท่องเที่ยวโดยใช้เวลาอย่างเหมาะสมและได้รับความสะดวกสบาย
2) ประหยัดค่าใช้จ่าย
บริษัททัวร์มีบทบาทเป็นผู้ขายส่ง โดยจะมีการซื้อสินค้าทางการท่องเที่ยวในปริมาณมาก เช่น มีการจองห้องพักและที่นั่งโดยสารเครื่องบินในปริมาณมากเพื่อมาทำโปแกรมทัวร์
3) ได้ความรู้
จากการศึกษานักท่องเที่ยวที่เดินทางกับบริษัททัวร์พบว่า นักท่องเทียวกล่าวถึงว่าได้ความรู้เป็นประเด็นสำคัญในการเดินทางกับบริษัททัวร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมัคคุเทศก์ที่ดีมีความสามารถถ่ายทอดความรู้ได้มากกว่าอ่านหนังสือนำเที่ยว
4) ได้เพื่อนใหม่
นักท่องเที่ยวที่ซื้อโปรแกรมทัวร์ประเภทเดียวกันมักจะมีความสนใจที่เหมือนกานและมีสถานภาพทางเศษฐกิจและสังคมในระดับใกล้เคียงกัน
5) ได้ความสบายใจและรู้สึกปลอดภัย
นักท่องเที่ยวที่ซื้อโปรแกรมทัวร์ไปยังสถานที่ต่างๆที่ที่ไม่คุ้นเคยอาจจะทำให้ขาดความมั่นใจและเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย การเดินทางไปกับทัวร์จะทำให้รู้สึกสบายใจว่ามีมัคคุเทศน์คอยดูแลและรู้สึกปลอยภัย
6) ไม่มีทางเลือกอื่น
บางครั้งการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสำคัญอาจจะทำให้หาที่พักได้ยากนักท่องเที่ยวจึงหันมาซื้อโปรแกรมทัวร์เนื่องจากบริษัททัวร์มักจะมีห้องพักที่จองไว้แล้วเนื่องจากบริษัททัวร์มักจะมีการจองห้องเป็นจำนวนมาก
ประเภทของทัวร์
ทัวร์แบบเหมาจ่ายแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆได้3ประเภท
· ทัวร์แบบอิสระ(independent tour)
· ทัวร์แบบไม่มีผู้นำเที่ยว(hosted tour)
· ทัวร์แบบมีผู้นำเที่ยว(escorted tour)
1. ทัวร์แบบอิสระ(independent tour)
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางทอ่งเที่ยวแบบอิสระ ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยที่พักในโรงแรม บัตรโดยสารเครื่องบิน และการบริการรถรับส่งจากสนามบินหรือรถเช่าทัวร์แบบอิสระจะทำให้นักท่องเที่ยวมีเสรีที่จะวางแผนกิจกรรมต่างๆ
2. ทัวร์แบบไม่มีผู้นำเที่ยว(hosted tour)
หมายถึง โปรแกรมทัวร์แบบเหมาจ่ายที่ได้รับการบริการจากตัวแทนของบริษัททัวร์ ณแหล่งท่องเที่ยว ตัวแทนบริษัททัวร์จะเข้ามาพบนักท่องเที่ยวเพื่อให้คำแนะนำหรือให้คำปรึกษาในเวลาที่กำหนดไว้ในแต่ละวัน
3. ทัวร์แบบมีผู้นำเที่ยว(escorted tour)
หมายถึงโปรแกรมทัวร์แบบเหมาจ่ายที่รวมบริการของมัคคุเทศก์ตลอดเส้นทางทัวร์ประเภทนี้นักท่องเที่ยวจะเดินทางเป็นกลุ่มโดยจะมีมัคคุเทศก์ร่วมเดินทางไปด้วย ทัวร์ประเภทนี้เป็นที่นิยมมากสำหรับผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศเป็นครั้งแรก
บริษัทรับจัดการประชุม
เนื่องจากตลาดการประชุมทั้งในและนอกประเทศมีการเติบโตสูงในช่วง20ปีที่ผ่านมาจึงได้เกิดธุรกิจใหม่ที่ให้การบริการด้านการจัดการประชุมซึ่งธุรกิจนี้เป็นผู้จัดจำหน่ายที่สำคัญของธุรกิจโรงแรม
บริษัทรับจัดการประชุมมีหน้าที่ดังนี้
- เลือกสถานที่สำหรับการประชุม
- จองห้องพัก
- จองห้องประชุม และอุปกรณ์สำหรับการประชุม
- ดำเนินการวางแผนด้านอาหารและเครื่องดื่ม
- ประสานงานกับผู้จัดการประชุมของโรงแรมและสถานที่จัด
- ประสานงานกับวิทยากรหรือผู้รับเชิญ
- ดำเนินการวางแผนด้านการรักษาความปลอดภัยหรือแก้ไขวิกฤต
- บริการด้านการเดินทางและขนส่ง
- ประเมินผลงานเมื่อการประชุมสิ้นสุดลง

บทที่ 6

ที่พักแรม


ความเป็นมา

ธุรกิจที่พักแรมในสากล/ต่างประเทศที่พักแรมมีมาแต่ยุคโบราณ ย้อนหลังไปถึงยุคอารยธรรมกรีกและโรมัน เกิดขึ้นสนองความต้องการที่พักของนักเดินทางที่ไม่สามารถไปกลับได้ในวันเดียว ปริมาณการเดินทางในอดีตมีไม่มาก ที่พักส่วนใหญ่ขยายตัวไปตามความเจริญทางสังคม
โรงแรม(Hotel)เป็นธุรกิจที่พักแรมที่สำคัญในปัจจุบัน คำเรียกที่พักว่าhotelนี้เดิมมาจากภาษาฝรั่งเศสและมาปรากฏใช้เรียกธุรกิจประกอบการที่พักแรมในอังกฤษและอเมริกาในศตวรรษที่18และเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว
กลุ่มหรือเชน(chain)โรงแรมที่สำคัญ ได้แก่ intercontinental holiday inn, Marriott Sofitel Hilton Conrad Sheraton Hyatt le meridian เป้นต้น









ธุรกิจที่พักแรมในประเทศไทย
ธุรกิจที่พักแรมสำหรับบริการนักเดินทางต่างชาติในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในสมัยรัชกาลที่ 4 มีชาวตะวันตกเข้ามาจำนวนมาก มีการลงประกาศข่าวในหนังสือพิมพ์ยุคนั้นเกี่ยวกับธุรกิจที่พักแรมประเภทบอร์ดดิ้งเฮ้าส์
กิจการโฮเต็ล หรือโรงแรมที่สำคัญในอดีตได้แก่1. โอเรียนเต็ลโฮเต็ล
2. โอเต็ลหัวหิน
3. โอเต็ลวังพญาไท
4. โรงแรมรัตนโกสินทร์
การใช้คำว่าโรงแรมเรียกกิจการที่พักคนเดินทางแทนคำว่า โอเต็ล มีครั้งแรกในพ.ศ.2478พร้อมกับการออกพระราชบัญัติโรงแรมฉบับแรกขึ้น
ปัจจัยพื้นฐานในการบริการที่พักแรม
ที่พักแรมเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่สนองตอบความต้องการพื้นฐานของนักท่องเที่ยวในการพักผ่อนหลับนอนระหว่างการเดินทางไกลจากบ้าน การเสนอบริการที่พักแรมโดยทั่วไปจึงต้องคำนึงปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญได้แก่
· ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้พัก
· ความสะอาดและสุขอนามัยในสถานที่พัก
· ความสะดวกสบายจากบริการสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายและสนองต่อความต้องการของผู้พักกลุ่มต่าง ๆ
· ความเป็นส่วนตัว
· บรรยากาศการตกแต่งที่สวยงาม
· ภาพลักษณ์ของกิจการ และอื่นๆ
ประเภทที่พักแรม
บริการที่พักแรมในปัจจุบันมีรูปแบบหลากหลายสอดคล้องกับความต้องการของนักเดินทางท่องเที่ยวที่หลากหลายซึ่งยังคงเพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกปี ประเภทที่พักแรมสามารถจำแนกเป็น 2 กลุ่มสำคัญได้แก่
1) โรงแรม(hotel)เป็นที่พักแรมที่นิยมมากของนักท่องเที่ยวทั่วไป โรงแรมมาตรฐานสากลจะมีรูปแบบการดำเนินการบริการที่เป็นแบบแผน ซึ่งเป็นที่คุ้นเคยในกลุ่มผู้ใช้บริการในพระราชบัญญัติโรงแรม ฉบับปี พ.ศ.2547ได้ระบุข้อความว่า โรงแรม หมายความว่า สถานที่พักที่จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในทางธุรกิจเพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวสำหรับคนเดินทาง หรือบุคคลอื่นใดโดยมีค่าตอบแทน ทั้งนี้ไม่รวมถึง
· สถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวซึ่งดำเนินการโดยส่วนราชการ
· สถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการที่พักอาศัยโดยคิดค่าบริการเป็นรายเดือนขึ้นไปเท่านั้น
· สถานที่พักอื่นใดตามที่กำหนดในกฏกระทรวง
1.1 เกณฑ์การจำแนกประเภทโรงแรม
โรงแรมมีอยู่มากมายทั่วโลกสามารถจำแนกประเภทได้โดยใช้เกณฑ์ด้านต่างๆดังนี้
· ด้านที่ตั้ง(location)
· ด้านขนาด(size)
· ด้านจุดประสงค์ของผู้มาพัก(purpose of visit)
· ด้านราคา(price/rate)
· ด้านระดับการบริการ(service level)
· ด้านการจัดระดับมาตรฐานโดยใช้สัญลักษณ์(classification/grading)
การใช้สัญลักษณ์สื่อถึงระดับมาตรฐานกิจการได้รับความนิยมทั่วไป เครื่องหมายสัญลักษณ์ที่กลายเป็นที่รู้จักในสากลคือ ดาว(1-5ดวง)
· ด้านความเป็นเจ้าของและรูปแบบการบริหารแบ่งได้2กลุ่มใหญ่คือ
1) โรงแรมอิสระ(independent hotels)
เป็นโรงแรมที่เจ้าของกิจการดำเนินการเอง ตามนโยบายและวิธีการที่กำหนดขึ้นเองอย่างอิสระ มีอำนาจในการบริหารโดยสมบูรณืทำให้คล่องตัวในการจัดการ
2) โรมแรมจัดการแบบกลุ่ม/เครือหรือเชน(chain hotels)
หมายถึงโรงแรมที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการแบบกลุ่มมักมีการใช้ชื่อประกอบการที่แสดงความเป็นสมาชิกในกลุ่มเดียวกันโดยมีสำนักงานส่วนกลางควบคุมด้านนโยบาย วางระบบการบริหารจัดการให้เป็นไปในทางเดียวกัน มีข้อตกลงตามสัญญาในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน
2) ที่พักนักท่องเที่ยว
· บ้านพักเยาวชน
· ที่พักพร้อมอาหารเช้าราคาประหยัด
· ที่พักริมทางหลวง
· ที่พักแบบจัดสรรเวลาพัก
· เกสต์เฮ้าส์
· อาคารชุดบริการที่พักระยะยาว
· ที่พักกลางแจ้ง
· โฮมสเตย์
แผนกงานในโรงแรมโรงแรมมีแบบแผนการดำเนินการที่เป็นรูปแบบเฉพาะแบ่งเป็นแผนกงานสำคัญได้ดังนี้
- แผนกงานส่วนหน้า (front office) เป็นศุนย์กลางการติดต่อระหว่างโรงแรมและแขกผู้พักรับผิดชอบการรับจองห้องพัก การต้อนรับ ลงทะเบียน บริการข้อมูล ขนย้ายสัมภาระ และรับชำระค่าใช้จ่าย
- แผนกงานแม่บ้าน (housekeeping) รับผิดชอบการจัดเตรียมห้องพักแขก การทำความสะอาดเรียบร้อยในพื้นที่ต่างๆ การซักรีด การจัดดอกไม้ตกแต่งสถานที่
- แผนกอาหารและเครื่องดื่ม (food&beverage) รับผิดชอบกระบวนการผลิต/ประกอบ/ปรุงอาหารและการบริการอาหาร-เครื่องดื่มในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงการจัดเลี้ยง
- แผนกขายและการตลาด (sales&marketing) รับผิดชอบวางแผนตลาดและควบคุมการใช้กลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมเพื่อสร้างรายได้แก่ธุรกิจ
- แผนกบัญชีและการเงิน (accounting) ดูแลจัดทำบัญชีและควบคุมการเงินของโรงแรม
- แผนกทรัพยากรมนุษย์ (human resources) ในบางกิจการขนาดเล็กจะเป็นแผนกบุคคล
รูปแบบการจัดห้องพักมาตรฐานโรงแรมทั่วไป
ประเภทห้องพัก
- Single ห้องพักสำหรับนอนคนเดียว ในต่างประเทศจะเป็นห้องพักเตียงเดี่ยว




- Twin ห้องพักเตียงคู่แฝด ประกอบเตี่ยงเดี่ยว 2 เตียงตั้งเป็นคู่วางแยกกัน








- Doubleห้องพักเตียงคู่ที่เป็นเตียงเดียวขนาดใหญ่ สำหรับนอนได้2คนบางครั้งให้บริการแก่ผู้พักที่มาคนเดียวเพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้น





- Suite ห้องชุดที่ภายในประกอบด้วยห้องตั้งแต่ 2ห้องขึ้นไปโดยกั้นเป็นสัดส่วนแบ่งเป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่น ในโรงแรมมาตรฐานชั้นดีตามแบบสากลมักมีห้องชุดที่ตกแต่งสวยงาม บริการในอัตราราคาสูง





บทที่ 5

การคมนาคมขนส่งหมายถึง กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายคน สัตว์ สิ่งของ จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยอาศัยสื่อกลางต่าง ๆ ภายใต้ และราคาที่ได้ตกลงกันไว้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การคมนาคมขนส่งจะต้อง
• เป็นกิจกรรมที่ต้องมีการขนส่ง (คน สัตว์ สิ่งของ)จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
• การขนส่งนั้นต้องอาศัยอุปกรณ์ต่างๆ
• การขนส่งนั้นต้องเป็นไปตามความต้องการของผู้ที่ต้องการใช้บริการ
พัฒนาการขนส่งทางบก
ประวัติการขนส่งทางบก เริ่มขึ้นในสมัย 200 ปีก่อนคริสตกาล หรือยุคบาบิลินซึ่งใช้คนลากรถสองล้อไปบนถนน ก่อนที่จะนำสัตว์เช่น วัว ลา มาช่วยลากรถสองล้อในยุคอียิปต์และกรีก จนกระทั่งในยุคโรมันจึงได้มการพัฒนาการขนส่งจากรถลากสองล้อมาเป็นรถสี่ล้อที่ใช้ม้าลาก
พัฒนาการขนส่งทางน้ำ
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทำให้เราทราบว่า การขนส่งทางน้ำเป็นการขนส่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยมีการพัฒนาแพขึ้นมาจากท่อนไม้ และต่อมานำต้นไม้ทั้งต้นมาขุด เจาะเป็นลำเรือดังหลักฐานที่พบได้มากจากเรือรุ่นแรกที่ขุดพบในประเทศอียิปต์เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว โดยมีรูปร่างคล้ายตะกร้าลอยน้ำขนาดใหญ่ที่อุดชันด้วยยางไม้ธรรมชาติหลังจากนั้นได้มีการพัฒนาขึ้นโดยนำเอาหนังสัตว์ขนาดต่าง ๆ มาขึงโครงไม้ทำเป็นเรือที่เรียกว่าเรืองหนังสัตว์ (coracles)
พัฒนาการขนส่งทางอากาศ
อาจจะกล่าวได้ว่าหลังจากปีค.ศ.1903ซึ่งเป็นปีที่สองพี่น้องตะกูลwrightได้คิดค้นและประดิษฐ์เครื่องบินขึ้นเป็นครั้งแรก ก็ได้มีความพยายามพัฒนารูปแบบและเครื่องยนต์ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ดังจะเห็นได้จากได้มีการผลิตเครื่องบินออกมาใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
ประเภทของธุรกิจการคมนาคมขนส่งเพื่อการท่องเที่ยว
อาจจะกล่าวได้ว่าธุรกิจการคมนาคมขนส่งเพื่อการท่องเที่ยว สามารถแบ่งแยกออกได้เป็น 3ประเภทเช่นกัน ได้แก่
1. ธุรกิจการขนส่งทางบก
การคมนาคมขนส่งทางบกจัดว่าเป็นรูปแบบการเดินทางที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งมากโดยเฉพาะการเดินทางโดยรถยนต์เนื่องจากความสะดวก คล่องตัวและประหยัด
1.1 การเดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟ
ในประเทศไทยนั้นการเดินทางด้วยรถไฟยังไม่ค่อยนิยมมากนัก เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบกับทางรถยนต์แล้วมีราคาค่อนข้างแพง
1.2 การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว
การเดินทางท่องเที่ยวทางรถยนตร์ได้รับความนิยมมากจงบจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้เนื่องจากเหตุผลหลักต่อไปนี้เช่นการประหยัด สะดวก รวดเร็วและคล่องตัว
1.3การท่องเที่ยวโดยรถเช่า
การเดินทางท่องเที่ยวทางถนนนอกจากจะเกี่ยวข้องกับรถยนต์กับรถยนตร์ส่วนบุคคลแล้วยังครอบคลุมถึงการเดินทางท่องเที่ยวโดยรถเช่าและรถตู้เพื่อนันทนาการ
1.4ธุรกิจเช่ารถจะแบ่งได้2ประเภทใหญ่
1.4.1 บริษัทเช่ารถระหว่างประเทศขนาดใหญ่
1.4.2บริษัทรถเช่าขนาดเล็กอิสระ
1.5รถตู้เพื่อนันทนาการ
ในรถตู้ปัจจุบันเพื่อนันทนาการนับเป็นยานพาหนะที่สำคัญอีกประเภทหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้เดินทาง โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาและยุโรป
1.6รถโดยสารเพื่อการท่องเที่ยว
รถโดยสารมีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยรถม้าโดยสาร และปรับปรุงจนเป็นรถโดยสารที่ใช้เครื่องยนตร์หลังจากได้มีการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องยนต์ขึ้นมาสามารถแบ่งออกได้2ประเภท
1.6.1รถโดยสารประจำทาง คือให้บริการจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งตามตารางเดินรถที่แน่นอน
1.6.2รถโดยสารไม่ประจำทางหรือรถเช่าเหมา เพื่อการท่องเที่ยว การเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางได้ลดลงกว่าในอดีต
2. ธุรกิจการขนส่งทางน้ำ
ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เรือถูกใช้เป็นพาหนะการเดินทางสำรวจดินแดนเพื่อการค้ามานานกว่าพันปีนอกจากนี้เรือยังถูกใช้เป็นพาหระคมนาคมขนส่งระหว่างเมืองท่าต่าง ๆ ในค.ศ. 1838 แซมมวล คิวนาร์ด เจ้าของบริษัทเดินเรือได้ริเริ่มเส้นทางเดินเรือกลไฟประจำทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติระหว่างเมืองลิเวอร์พลู
2.1 เรือเดินทะเล (ocean-lines)เป็นเรือคมนาคมขนส่งจากเมืองท่าหนึ่งไปอีกเมืองท่าหนึ่งปัจจุบันความนิยมในการคมนาคมขนส่งโดยเรือแบบนี้ได้ลดน้อยลงไปแล้ว
2.2 เรื่อสำราญ (cruise ships/lines)ในยุคแรกระหว่างปีค.ศ.1960-1970เรือสำราญมีขนาดระหว่าง18000-22000ตันทำการขนส่งผู้โดยสารประมาณ650-850คนเทคโนโลยีทางทะเลช่วยให้สามารถสร้างเรือสำราญให้ใหญ่กว่าเดิมได้หากมีความต้องการ เรือสำราญคล้ายโรงแรมลอยน้ำ คือ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีบริการที่ประทับใจ ได้แก่ ห้องพักหลายประเภทตั่งแต่ห้องพักธรรมดาจนถึงหรูหรามีห้องประชุมและห้องจัดเลี้ยง จัดอาหารทุกมื้อและมีหลายชนิด มีการบันเทิง เช่นดนตรี การแสดงกิจกรรมเป็นต้น
2.3 เรือข้ามฟาก(ferry) เป็นเรือสำหรับการเดินทางระยะสั้นๆซึ่งสามารถบันทุกผู้โดยสาร รถยนต์ รถโดยสาร หรือบางครั้งรถไฟ
2.4 เรือใบและเรือยอร์ช (sail cruise and yacht) ในอดีตจะมีเพียงผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ร่ำรวยเท่านั้นที่สามารถซื้อเรือยอร์ชหรือเรือใบไว้ท่องเที่ยว
2.5 เรือบรรทุกสินค้า(cargo lines)นักท่องเที่ยวบางกลุ่มชอบที่จะท่องเที่ยวไปกับเรือบรรทุกสินค้าที่ไม่รีบเร่งและจอดตามเมืองท่าต่างๆ ทั่วโลก โดยทั่วไปเรือบรรทุกสินค้าสามารถรับผู้โดยสารได้ประมาณ12คน
3. ธุรกิจการขนส่งทางอากาศ (air transportation)
สงครามโลกครั้งที่2ก่อให้เกิดผมดีในระยะยาวต่อการเติบโดตของธุรกิจการบินพาณิชย์ เช่นเทคโนโลยี
การบินด้วยความเร็ว ประสิทธิภาพของเชื้อเพลิงที่คิดค้นขึ้นในช่วงสงคราม การพัฒนาลำตัวเครื่องบินให้กว้างขวางขึ้น ความรู้เรื่องอากาส และการปรับปรุงแผนที่ทางอากาศ การฝึกฝนนักบินโดยใช้เครื่องบินที่เหลือจากสงครามจำนวนมาก ตลอดจนการพัฒนาเครื่องบินไอพ่น(jet aircraft)ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศได้เป็นอย่างดี
การเดินทางท่องเที่ยวทางอากาศแบ่งออกเป็น3ประเภทใหญ่คือ
3.1 การบินลักษณะเที่ยวบินประจำ(scheduled air service)เป็นการบินระหว่างเมืองต่อเมืองโดยมีคารางการบินที่แน่นอน การบินประเภทนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อยคือ
3.1.1 เที่ยวบินประจำภายในประเทศ(domestic flight)
3.1.2 เที่ยวบินประจำระหว่างประเทศ(international flight)
3.2 การบินลักษณะเที่ยวบินไม่ประจำ (non-scheduled air service)
เป็นการบินที่จัดเสริมในตาราง และสามารถแวะรับส่งผู้โดยสารทั่วไปโดยไม่ต้องเป็นกลุ่มเดิมได้ จึงได้รับความนิยมมากในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
3.3 การบินลักษณะเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (chartered air service)เป็นการบินที่ให้บริการแก่กลุ่มสมาชิกสมาคมหรือองค์การ หรือกลุ่มนักท่องเที่ยว รับ-ส่งผู้โดยสารเฉพาะกลุ่มเดิมได้เท่านั้นราคาค่าโดยสารถูกกว่าราคาเที่ยวบินของสายการบินปกติ

บทที่ 4

องค์ประกอบสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ และรวมเอาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับหลายปะเภทเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเราอาจแบ่งประเภทธุรกิจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวออกเป็น 2 ประเภทคือ
ธุรกิจที่จัดว่าเป็นองค์ประกอบหัก และธุรกิจที่จัดว่าเป็นองค์ประกอบเสริมดังที่กล่าวไปแล้วในบทที่ 1 ในบทนี้จะศึกาเรื่องขององค์ประกอบหลักประเภทแรกคือ แหล่งท่องเที่ยว


แหล่งท่องเที่ยว

แหล่งท่องเที่ยวจัดเป็นปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งที่มีช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเป็นปัจจัยที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาในประเทศ หากลองคิดดูง่าย ๆ ว่าถ้านักศึกษาจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่จังหวัดชลบุรี นักศึกาจะไปที่ไหน แน่นนอนว่า คำตอบส่วนใหญ่คือ ทะเล ดั้งนั้น
หากไร้ซึ่งการท่องเที่ยวแล้ว คงไม่มีนักท่องเที่ยวอยากเดินทางเข้ามายังประเทศนั้น ๆ มีคำจำกัดความ 3 คำ ที่จำเป็นในการศึกษาแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่1. ทรัพยากรทางการท่องเที่ยว(tourism resources)
2. จุดหมายปลายทาง(destination)
3. สิ่งดึงดูดใจทางการท่องเที่ยว(tourist attraction)
ประเภทของแหล่งท่องเที่ยวอาจจะแบ่งแหล่งท่องเที่ยวได้ด้วยลักษณะเฉพาะทางต่างๆ ได้แก่
1. ขอบเขต(scope)
1) อาจแบ่งแหล่งท่องเที่ยวเป็น 2 ประเภทตามขอบเขตได้แก่ จุดหมายหลัก คือสถานที่ต้องน่าดึงดูด
2) จสำหรับนักท่องเที่ยวที่ทำให้วกเขาเหล่านั้นมุ่งตรงไปยังสถานที่นั้น
3) จุดหมายรองคือ สถานที่แวะพัก หรือเยี่ยมชมระหว่างการเดินทางไปยังจุดหมายหลัก ส่วนมากเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ
2. ความเป็นเจ้าของ(ownership)แหล่งท่องเที่ยวทั้งที่เป็นสถานที่ทางธรรมชาตและมนุษย์สร้างขึ้น อาจจัดแบ่งได้ตามความเป็นเจ้าของ ซึ่งทำให้ทราบว่าแหล่งเงินสนับสนุนมาจากที่ไหน หรือรายได้ต่าง ๆ ตกอยู่ที่ใคร ต้องเสียภาษีเท่าไร เหมือนการขายสินค้าประเภทอื่น ๆ ผู้ที่จัดว่าเป็นเจ้าของแหล่งทอ่งเที่ยวได้แก่
1) รัฐบาล
2) องค์กรที่ไม่หวังผลกำไร
3) เอกชน
3. ความถาวรคงทน(permanency)
คือแบ่งตามอายุของแหล่งท่องเที่ยว ประเภทที่เป็นสถานที่ อาจจะมีความคงทนถาวรกว่าประเภทที่เป็นงานเทศกาลหรือกิจกรรมต่าง ๆ เพราะงานเทศกาลมักจะมีช่วงเวลาของการดำเนินงาน
4. ศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวDrawing power)แหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่งจะสนองความต้องการ หรือจุดประสงค์ของนักท่องเที่ยวต่างกันไป อย่างไรก็ดี แหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงได้รับความนิยมอาจจะมีลักษณะที่เป็น แหล่งทรัพยากรธรรมชาติ สภาพภูมิอากาศ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ชุมชน และการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว
การทอ่งเที่ยวแห่งประเทศไทยได้แบ่งแหล่งท่องเที่ยวออกเป็น 3 ประเภท
1. หล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติ
2. แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์
3. แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และกิจกรรมของคนในท้องถิ่น
แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติหมายถึง สถานที่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติทั้งดานชีวภาพ และกายภาพ รวมทั้งบริเวณที่มนุษย์เข้าไปปรับปรุงแต่งเพิ่มเติมจากสภาพธรรมชาติในบางส่วน ซึ่งทรัพยากรประเภทนี้ไม่มีต้นทุนการผลิตแต่มีต้นทุนในด้านการดูแลรักษา
ตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติในประเทศไทย- ชายหาดบางแสน
- เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
- อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
- ภูกระดึง
- เกาะต่าง ๆ ที่จังหวัดกระบี่ พังงา
- แม่น้ำเจ้าพระยา
ตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติในต่างประเทศ

- ภูเขาฟูจิที่ญี่ปุ่น










- นำตกไนแองการ่า อยู่ระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนนาดาเป็นต้น




แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นคือสถานที่ที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างและอายุรวมทั้งรูปแบบสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันออกไป แต่ท้ายที่สุดก็กลายเป็นทรัพยากรที่มีค่าทางการท่องเที่ยว

สำหรับโบราณสถานที่มีในประเทศไทยนั้นกรมศิลปากรได้แบ่งโบราณสถานออกเป็น 7ประเภทได้แก่1. โบราณสถานสัญลักษณ์แห่งชาติ
2. อนุสาวรีย์แห่งชาติ
3. อาคารสถาปัตยกรรมแห่งชาติ
4. ย่านประวัติศาสตร์
5. อุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาติ
6. นครประวัติศาสตร์แห่งชาติ
7. ซากโบราณสถานและแหล่งโบราณคดีประวัติศาสตร์แห่งชาติ
ตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นเองในต่างประเทศ- ปีระมิด ประเทศอียิปต์
- พระราชวังแวร์ซายน์ ประเทศฝรั่งเศษ
- หอเอนเมืองปิซา ประเทศอิตตาลี
- พุทธคยา ประเทศอินเดีย
- บุโรพุทโธ ประเทศอินโดเนเซีย
แหล่งท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย
ภาคกลาง
ประกอบไปด้วย 21 จังหวัดและ1เขตการปกครองพิเศษ ได้แก่จังหวัด กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยนาท นครนายก นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา เพรชบุรี ราชบุรี ลพบุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สระแก้ว สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง ส่วนกรุงเทพมหานครไม่นับว่าเป็นจังหวัด
ภาคเหนือประกอบไปด้วย 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด กำแพงเพรช เชียงรายเชียงใหม่ นครสววร์ ตาก น่าน พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพรชบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน สุขโขทัย อุตรดิตถ์ และอุทัยธานีมีพื้นที่รวม 169644.3 ตารางกิโลเมตหรือประมาณ 106 ล้านไร่
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือภาคอีสานประกอบด้วย 19จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี และอุบลราชธานีมีพื้นที่ประมาณ 170226ตารางกิโลเมตร หรือ1ใน 3 ของพื้นที่ทั้งประเทศ
ภาคตะวันออกประกอบด้วย 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด จันทบุรี ชลบุรี ตราด และระยอง
ภาคใต้ประกอบด้วย14จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช บาราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา ระนอง สงขลา สตูล และสุราษฤร์ธานีพื้นที่ภาคใต้ ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอินเดียขนาบด้วยท้องทะเลอ่าวไทยทางฝั่งตะวันออก และทะเล อันดามันทางฝั่งตะวันตกมีเนื้อที่รวม707152ตารางกิโลเมตรจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดคือสุราษฏร์ธานี และจังหวัดที่เล็กที่สุดคือภูเก็ตมีความยาวจากเหนือจดใต้ประมาณ 750 กิโลเมตร


บทที่ 3

ปัจจัยที่มีอิธิพลต่อการเดินทางนักท่องเที่ยว

- แรงจูงใจ
แรงจูงใจของนักท่องเที่ยวแต่งต่างไปจากแรงจูงใจในวิชาจิตวิทยา ซึ่งเป็นตัวกำหนดบุคลิกภาพของบุคคลแรงจูงใจทางด้านการท่องเที่ยว หรือแรงจูงใจของนักท่องเที่ยวเป็นแนวคิดที่เป็นแบบลูกผสมระหว่างแนวคิดทางจิตวิทยาผสมกับแนวคิดทางด้านสังคมวิทยาแรงจูงใจของนักท่องเที่ยวจึงหมายถึงเครือข่าย
ทฤษฏีต่างๆเกี่ยวกับแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว
1. ทฤษฏีลำดับขั้นแห่งความต้องการจำเป็น (hierarchy of needs)
2. ทฤษฏีขั้นบันไดแห่งการเดินทาง (travel career ladder)
3. แรงจูงใจวาระซ่อนเร้น (hidden agenda)
4. แรงจูงในทางการท่องเที่ยวในทัศนะของ (swarbrooke)

ในหนังสือเรื่องconsumer behavior in tourismของjohn swarbookeซึ่งตีพิมพ์ในปีค.ศ.1999swarbooke จำแนกแรงจูงใจสำคัญๆที่ทำให้คนเดินทางออกเป็น 6ชนิด ด้วยกันที่แสดงอยู่ในแผนภูมิที่3แรงจูงใจเหล่านี้ได้แก่
1. แรงจูงใจทางด้านสรีระหรือทางกายภาพ(physical)
2. แรงจูงใจทางด้านวัฒนธรรม
3. การท่องเที่ยวเพื่อตอบสนองอารมณ์ควารู้สึกบางอย่าง
4. การท่องเที่ยวเพื่อให้ได้มาเพื่อสถานภาพ
5. แรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง
6. แรงจูงใจส่วนบุคคล

สรุปประเด็นสำคัญเกี่ยวกับแรงจูงใจทางด้านการท่องเที่ยวจากแนวคิดเกี่ยวกับแรงจูงใจในทัศนะของนักวิชาการด้านแรงจูงใจทั้ง4คนที่ได้กล่าวมาแล้วสามารถสรุปได้ว่า ในการที่นักท่องเที่ยวจะเลือกแหล่งที่ท่องเที่ยวแห่งใดแห่งหนึ่งไม่ได้เกิดจากแรงจูงใจอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่การตัดสินใจที่จะไปท่องเที่ยวมักจะเกิดจากแรงจูงใจหลายๆอย่างในเวลาเดียวกันเช่น การที่คู่สมรสชาวฮ่องกงผู้หนึ่งตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย

แนวโน้มของแรงจูงใจของนักท่องเที่ยวPearce Morrison และRutledge (1998) ได้นำเสนอแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว 10 ประการดังต่อไปนี้
1. แรงจูงใจที่จะได้สัมผัสสิ่วแวดล้อม
2. แรงจูงใจที่ได้พบปะกับคนในท้องถิ่น
3. แรงจูงใจที่จะที่จะเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นและประเทศเจ้าบ้าน
4. แรงจูงใจที่จะเสริมสร้างสัมพันธภาพภายในครอบครัว
5. แรงจูงใจที่จะพักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่น่าสบาย
6. แรงจูงใจที่จะที่จะได้ทำกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสนใจและฝึกทักษะ
7. แรงจูงใจที่จะมีสุขภาพดี
8. แรงจูงใจที่จะได้รับการคุ้มกันและความปลอดภัย
9. แรงจูงใจที่จะได้รับการยอมรับนับถือและได้รับสถานภาพทางสังคม
10. แรงจูงใจที่จะให้รางวัลแก่ตัวเอง

ตัวอย่างการวิจัยที่ใช้วิธีการศึกษาจากกลุ่มเป้าหมายนักเดินทางประเภทแบกเป้นักเดินทางแบบนี้กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในออสเตรเลีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และนิวซีแลนด์ แรงจูงใจที่ทำให้เกิดการเดินทางลักษณะแบบนี้อาจจะสรุปได้เป็น 4 มิติด้วยกันดังต่อไปนี้
1. การหลีกหนี(escape)
2. การมุ่งเน้นในเรื่องสิ่วแวดล้อม
3. การทำงาน(employment)
4. เน้นการคบหาสมาคม(social focus

โครวสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโครงสร้างพื้นฐานในอุคสาหกรรมการท่องเที่ยว หมายถึง องค์ประกอบพื้นฐานในการรองรับการท่องเที่ยวทั้งระบบ ถือเป็นส่วนการสนับสนุนให้การท่องเที่ยวสามารถดำเนินงานไปได้ด้วยดี และทำให้เกิดความสะดวกสบายรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
โครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมได้แก่1. ระบบไฟฟ้า
2. ระบบประปา
3. ระบบสือสารโทรคมนาคม
4. ระบบการขนส่งประกอบไปด้วย
4.1ระบบการเดินทางทางอากาศ
4.2ระบบการเดินทางทางบก
4.3ระบบการเดินทางทางน้ำ
5. ระบบสาธารณสุข

ปัจจัยที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาคการที่บนโลกมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างออกไปจำทำให้เกิดภูมิทัศน์ทางธรรมชาติและลักษณะทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ประกอบกับการที่มนุษย์มักต้องการเดินทางท่องเที่ยวไปยังบริเวณต่าง ๆ ที่มีสภาพแวดล้อมแตกต่างออกไปจากที่ตนเองอาศัยอยู่ ส่งผลให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวไปยังบริเวณต่างๆบนผิวโลก จึงเห็นว่าปัจจัยทางภูมิศาสตร์และปัจจัยทางวัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวแต่ละคนเดินทางออกจากแหล่งที่ตนเองอาศัยอยู่
1.ปัจจัยทางภูมิศาสตร์
1.1ลักษณะภูมิประเทศ
การเปลี่ยนแหลงของเปลือกโลกมีได้2ลักษณะดังนี้
1)การเปลี่ยนแหลงจากภายในเปลือกโลก
2)การเปลี่ยนแหลงบริเวณผิวโลก
1.2ลักษณะภูมิอากาศ
2.ปัจจัยทางวัฒนธรรม

บทที่ 2

ประวัติศาสตร์การทอ่งเที่ยวจากยุคเริ่มต้น ถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2


ความรู้ที่เรามีเกี่ยวกับการเดินทางในสมัยแรกๆมาจกข้อเขียนนักประวัติศาสตร์และนักเดินทางที่มีความสำคัญที่มีชื่อว่าHerodotusซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วง 484 ปี ถึง 424 ปีก่อนครีสตกาลอาจเรียกได้ว่าเป็นนักเขียนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวคนแรกของโลกก็ว่าได้
หนังสือคู่มือนำเที่ยวปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ400ปีก่อนคริตสกาลซึ่งครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเอเธนส์ สปาร์ตา และเมืองทรอย นักเขียนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวชาวกรีกชื่อPausaniasได้เขียนหนังสือชื่อว่า description of Greeceขึ่นในระหว่างคศ.160-180 ในปีค.ศ.1749dr. Thomas Nugentได้ตีพิมพ์หนังสือคู่มือการท่องเที่ยวออกมาเล่มหนึ่งให้ชื่อว่า the grand tourหนังสือเล่มนี้ส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเพื่อการศึกษามากขึ้นนักเดินทางใจกล้าบางคนเดินทางไปไกลถึงอีบยิปต์


ยุคกลางคือช่วงที่อยู่ระหว่างคศ. 500-1500 หรือเป็นช่วงที่ต่อจากการล่มสลายของอาณาจักรโรมัณ แต่ก่อนจะเข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ยุคกลางเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่ายุคมืด ช่วงเวลาดังกล่าวถนนหนทางถูกปล่อยให้ทรุดโทรมเศรษฐกิจตกต่ำแต่ศาสนจักโรมันคาทอลิค ยังคงเป็นศุนย์รวมสังคมและอำนาจการเดินทางมีความลำบากมากขึ้นและอันตรายมากขึ้น
- การพัฒนาการคมนาคมทางถนนในคริสตศตวรรษที่17ถึงต้นศตวรรษ19
ในช่วงก่อนที่จะถึงศตวรรษที่ 16 คนที่ ต้องการเดินทางมีวิธีที่จะทำได้ 3 วิธี คือ ด้วยการเดินเท้าซึ่งเป็นวิธีเดินทางของคนจน วิธีที่สองคือการขี่ม้า และวิธีสุดท้ายคือใช้เสลี่ยงโดยมีคนรับใช้เป็นผู้แบกซึ้งวิธีนี้เป็นเป็นวิธีเดินทางของชนชั้นสูงเท่านั้น หรือไม่ก็ใช้เกวียนเที่ยมด้วยม้า การเดินทางด้วยวิธีการหลังนี้ไม่เป็นที่นิยมเพราะช้าและทรมานเพราะเกวียนไม่มีสปิงหรือแหนบลดการกระเทือน
- แกรนด์ทัวร์ (Grand tour)
ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่18เป็นต้นมาได้เกิดการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ขึ้นซึ้งเป็นผลมาจากเสรีภาพและความต้ยวในรูปแบบใหม่ขึ้นซึ้งเป็นผลมากี้ไม่เป็นที่นิยมเพราะช้าและทรมานเพราะเกวียนไม่มีสปิงหรือแนสูงเท่านั้น หรือไม่ก็ใช้เกวียนเที่ยมด้ องการที่จะเรียนรู้ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ยุคที่มีระยะเวลาประมาณ300ปีเริ่มต้นในราวคริสต์ศตวรรษที่15และสิ้นสุดในราวศตวรรษที่17โดยมีออตาลีเป็นแหล่งกำเหนิดและเป็นแบบฉบับให้ประเทศเพื่อนบ้านเรา


การอาบน้ำแร่หรือ spa เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วตั้งแต่ยุคโรมันโดยเชื่อกันว่าน้ำแร่มีคุณสมบัติทางยาแต่ความนิยมการไปอาบน้ำแร่ได้ลดลงในยุคหลังๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าความนิยมจะลดลงโดยสิ้นเชิง เพราะคนที่เจ็บป่วยก็ยังคงเดินทางไปยังเมือง bath ตลอดช่วงของยุคกลางในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ
การเดินทางไปรับการอาบน้ำแร่บำบัดด้วยน้ำแร่ได้กลายมาเป็นสถานภาพทางสังคมอย่างรวดเร็วทำให้บรรดาสถานบำบัดทั้งหลายเปลี่ยนแมหน้าจาสถาบันเดิมไปเป็นสถานที่เพื่อความเพลิดเพลินแทน bath


การอาบน้ำทะเลเพิ่งจะเริ่มเป็นที่นิยมในอังกฤษตั้งแต่สมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการเป็นต้นมา การอาบน้ำทะเลในสมัยนั้น ผู้อาบทั้งเสื้อผ้าเพราะการถอดเสื้อผ้าว่ายน้ำขัดกับจารีตประเพณีในสมัยนั้น การอาบน้ำทะเลเริ่มต้นขึ้นจากเหตุผลทางด้านสุขภาพ
ความนิยมในการรับการบำบัดด้วยน้ำทะเลซึ่งเป็นผลมาจากผู้คนที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มั่งคั่งขึ้นจากการขยายตัวทางการค้าและอุตสาหกรรมในประเทศอังกฤษ


จากประวัติย่อของการท่องเที่ยวตั้งแต่อดีตจนถึงศตวรรษที่ 19 เราจะเห็นได้ว่ามีปัจจัยหลายประการที่ส่งเสริมให้เกิดการเดินทาง เราอาจจะแบ่งปัจจัยเหล้านั้นออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
1) ปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง
2) ปัจจัยดึงดูดให้คนเดินทาง
- ยุคของเครื่องจักรไอน้ำ : กำเนิดการเดินทางโดยรถไฟ
การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีสองประการในตอนต้นศตวรรษที่ 19 ได้มีผลอย่างยิ่งสำคัญต่อการขนส่งและการเดินทางโดยทั่วไป การพัฒนาทางเทคโนโลยีประการแรกคือการสร้าพาหนะประเภทรถไฟ
ผู้ประกอบกินจการท่องเที่ยวคนแรกน่าจะได้แก่ sir Rowland hillประธานบริษัทรถไฟเมือง Brighton ซึ่งจัดการท่องเที่ยวแบบเหมาเป็นครั้งแรกโดยนำนักท่องเที่ยวจากwade bridge ไปยังBrighton
Thomas cook ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบการที่เป็นผู้ริเริ่มที่มีความสำคัญที่สุดต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในระยะเริ่มแรกในปี 1841ขณะที่ cook ยังเป็นเลขาธิการของmidland temperance association เขาได้จัดทัวร์พาสมาชิกของสมาคม เดินทางจาก Leicester ไปยังlough borough ในราคา 1 ชิลลิ่ง 5เพนนี


ขณะที่รถไฟทำให้เกิดการเดินทางภาคพื้นดิน เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็ทำให้เกิดการพัฒนาเรือกลไฟเพื่อการเดินทางทางน้ำ การพัฒนาทางด้านการค้ากับทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทวีปอเมริการเหนือทำให้ประเทศอังกฤษต้องพัฒนาการสื่อสารรูปแบบต่าง ๆ ที่เร็วขึ้นและเชื่อใจได้มากยิ่งขึ้น
Thomas cook ได้จัดนำคณะทัวร์ของเขาออกเดินทางไปท่องเที่ยวทวีปอเมริกาเหนือเป็นครั้งแรกในปีค.ศ. 1866 และต่อมาในปีค.ศ. 1872 เขาได้จัดทัวร์รอบโลกพาลูกค้า 12 คนไปเที่ยวเป็นเวลา 220 วันในราคา200ปอนด์
- การท่องเที่ยวในศตวรรษที่20(1901-20)ช่วง50ปีแรก
ในช่วงนี้การท่องเที่ยวยังขยายตัวต่อไป เพราะความมั่งคั่งของผู้คน ความอยากรู้อยากเห็น และทัศนคติที่กล้าแสดงออกมากขึ้นในยุคหลังสมัยวิคติเรีย ประกอบกับการพัฒนาระบบการขนส่งอย่างต่อเนื่อง นักเดินทางมีความปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บและการโจมตีของ โจรผู้ร้าย ทวีปยุโรปมีความั่นคงทางการเมือง เอกสารเดินทางก็ไม่ยุ่งยากตั้งแต่ ปี 1860 เป็นต้นมาหนังสือเดินทางไม่ต้องใช้ในการเดินทางที่ทวีปยุโรป

- การท่องเที่ยวหลังสงครามโลกครั้งที่2
การเดินทางทางอากาศมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วหลังสงครามโลกครั้งที่2ถึงแม้ว่าในช่วงทศวรรษที่ 1950 ค่าโดยสารจะค่อนข้างมีราคาแพงก็ตามแต่เมื่อเปรียบเทียบกับการเดินทางด้วยวิธีการอื่นการเดินทางโดยเครื่องบินก็ยับนับว่าไม่แพง
จำนวนผู้โดยสารี่เดินทางทางอากาศเพิ่มมากกว่าผู้โดยสารที่เดินทางทางเรือครั้งแรกในปี ค.ศ. 1957 ในต้นทศวรรษที่ 1970 มีการนำเครื่องบินโดยสารที่เร็วกว่าเสียงคือเครื่องบินคองคอร์ด เข้ามาใช้ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศษ

- เรือกลไฟ
- ปัจจัยที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในศตวรรษที่19
- กำเนิดยุคสถานที่ตากอากาศชายทะเล
- การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวประเภทที่อาบน้ำแร่ (Spa)
- การท่องเที่ยวในยุคกลาง

การศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ของการท่องเที่ยวเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจและศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวเนื่องจากมีบทเรียนจากประวัติศาสตร์มากมายที่จะต้องจดจำและสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับการท่องเที่ยวในปัจจุบัน
การท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจสามารถจะสืบย้อนได้ไปถึงสมัยที่ยังมีอาณาจักรBabylonianและอาณาจักรEgyptianหลักฐานที่สนับสนุนการกล่าวอ้างนี้ก็คือได้มีการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุขึ้นเพื่อให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปชมในนครได้เมื่อประมาณ2600ปีมาแล้ว
นักท่องเที่ยวชาวกรีกมีการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวเมื่อประมาณ300ปีก่อนคริสตกาลหรือ2300ปีมาแล้วนักท่องเที่ยวชาวกรีกจะนิยมเดินทางไปยังสถานที่ที่เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้าที่ทำการบำบัดรักษาโรค เนื่องจากกรีกมีการปกครองในแบบนครรัฐ

บทที่ 1

การท่องเที่ยว


การท่องเที่ยว เป็น รูปแบบกิจกรรมหนึ่งของนันทนาการ ซึ่งคล้ายกับกิจกรรมทางการกีฬา หรืองานอดิเรก และการใช้เวลาว่าง นอกจากนี้เมื่อการท่อง

เที่ยวเกี่ยวข้องกับการเดินทาง จึงมีปัญาหาตามมา

ในปี พ.ศ. 2506 ได้มีการประชุมของสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องของการ เดินทางและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ที่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี และได้ยอมรับข้อเสนอเกี่ยวกับคำจำกัดความของการท่องเที่ยวจากนักวิชาการจาก องค์การการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ (IUOTO: The International Union of Official Travel organizationsต่อมาได้กลายเป็นองค์การท่องเที่ยวโลกในปี พ.ศ. 2531: World TourismOrganization, WTO)

การเดินทางที่จัดเป็นการท่องเที่ยวต้องมีลักษณะดังนี้

1)เป็นการเดินทางจากที่อยู่อาศัยปกติไปยังที่อื่นเป็นการชั่วคราว
2)เป็นการเดินทางด้วยความสมัครใจ
3)เป็นการเดินทางด้วยวัตถุประสงค์ใดๆ ก็ตามที่มิใช่เพื่อการระกอบอาชีพและการหารายได้

นิยามการท่องเที่ยวของการระชุมใน พ.ศ. 2506

(Holloway J. Christopher)

ให้เรียกผู้ที่เดินทางเพื่อการท่องเที่ยวว่า "ผู้เยี่ยมเยือน" (Visitor)จำแนกเป็น
- นักท่องเที่ยว (Tourist)
- นักทัศนาจร (Excursionist)

นักท่องเที่ยว คือ ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนชั่วคราว และพักอาศัย ณ สถานที่ที่ไปเยี่ยมเยือนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ด้วยจุดประสงค์เพื่อใช้เวลาว่าง เพื่อกิจกรรมนันทนาการ

นักทัศนาจร คือ ผู้ที่มาเยือนชั่วคราว และพักอาศัย ณ สถานที่ที่ไปเยี่ยมเยือน ไม่เกิน 24 ชั่วโมง รวมถึงผู้เดินทางโดยเรือสำราญ แต่ไม่รวมผู้โดยสารผ่าน นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งผู้มาเยือนตามพำนักได้อีกเช่นกัน ได้แก่

ผู้มาเยือนขาเข้า (Inbound Visitor)
ผู้มาเยือนขาออก (Outbound Visitor)
ผู้มาเยือนที่มีถิ่นพำนักในประเทศหนึ่งและเดินทางไปท่องเที่ยวยังอีกประเทศหนึ่ง
ผู้มาเยือนภายในประเทศ (Domestic Visitor)

ผู้ มาเยือนที่เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศที่ตนเองมีถิ่นพำนักอยู่ เราอาจเรียก ผู้มาเยือนขาเข้า และผู้มาเยือนภายในประเทศว่า ผู้มาเยือนในประเทศ (Internal Visitor)ก็ได้

วัตถุประสงค์ของการเดินทางท่องเที่ยว

จากคำนิยามของการท่องเที่ยวจะพบว่า วัตถุประสงค์ที่ทำให้การเดินทางไม่ใช่การท่องเที่ยว คือ เดินทางเพื่อประกอบอาชีพและแสวงหารายได้ จึงมีหลายประการสามารถแบ่งออกได้ 3 ประการใหญ่ ๆ ได้แก่

เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานและพักผ่อน (Holiday)
เพื่อธุรกิจ (Business)
เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ

การเดินทางเพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานและพักผ่อน (Holiday)

- เป็น การเดินทางที่มีวัตถุประสงค์ต้องการความเพลิดเพลิน สนุกสนาน รื่นเริง ทั้งนี้เพราะนักท่องเที่ยวเหล่านี้มีวันหยุดจำกัด วันหยุดที่มีจึงถูกใช้ไปโดยไม่นำเอาเรื่องของภาระหน้าที่ การงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องการหลีกหนีความจำเจของชีวิตประจำวัน เพื่อไปชมหรือสัมผัสกับสิ่งแปลกใหม่ ทั้งนี้รวมถึงการไปเยี่ยมเยือนเพื่อนหรือญาติมิตร (Visitor toFriends and Relatives: VFR)


การเดินทางเพื่อธุรกิจ (Business)

- เป็น การเดินทางควบคู่ไปกับการทำงานแต่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการประกอบอาชีพ หรือหารายได้จากสถานที่่ี่ไปท่องเที่ยวนั้น นอกจากนี้ยังหมายความรวมถึงการเดินทางเพื่อเข้าประชุม สัมมนา ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลและจัดนิทรรศการ หรือที่เรียกว่า MICE

- เป็น การเดินทางด้วยวัตถุประสงค์เฉพาะ และสลับซับซ้อนมากกว่าการไปพักผ่อนหรือประชุม สัมมนา อาทิ การเดินทางไปศึกษาธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม

ประเภทการท่องเที่ยว

1. การแบ่งตามสากล

- การท่องเที่ยวภายในประเทศ (Domestic Visitor)
- การท่องเที่ยวเข้ามาภายในประเทศ (Inbound Visitor)
- การท่องเที่ยวนอกประเทศ (Outbound Visitor)

2. การแบ่งตามลักษณะการจัดการเดินทาง

- การท่องเที่ยวแบบหมู่คณะหรือที่เรียกว่า Group Inclusive Tour: GIT

แบ่งออกเป็นอีก 2 ลักษณะ คือ กรุ๊ปเหมา และกรุ๊ปจัด

ลักษณะ การเดินทางทั้งเป็นหมู่คณะ หรืออิสระนี้ มักจะเกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัทนำเที่ยว ที่อาจจัดรายการนำเที่ยวไว้ให้แบบสำเร็จรูป หรือที่เรียกว่า Package Tourไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้บริการ หรืออาจจะจัดตามความต้องการของนักท่องเที่ยว (Tailor-made Tour)ก็ได้เช่นกัน.

การแบ่งตามวัตถุประสงค์ของการเดินทาง

1. การท่องเที่ยวเพื่อความเพลิดเพลินและพักผ่อน อาทิ การเล่นน้ำ
2. การท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจ ที่จัดอยู่ในกลุ่ม MICE ส่วนกิจกรรมเสริมอาจจะเป็นกิจกรรมเพื่อการพักผ่อนคลายเครียด ความสนุกสนานเป็นต้น

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว หมายถึง ธุรกิจท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่ต้องอาศัยแรงงาน การลงทุน เท๕นิควิชาชีพ เฉพาะ มีการวางแผน การจัดองค์กร และการตลาด เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมประเภทอื่น ๆ หากแต่แตกต่างกันตรงที่ สินค้าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นสินค้าที่เรียกว่า สินค้าที่จับต้องไม่ได้ (Intangible goods)และ ไม่มีการเคลื่อนที่ไปหาผู้ซื้อ หากแต่ผู้ซื้อหรือนักท่องเที่ยวต้องเดินทางไปซื้อสินค้าหรือบริการ ณ แหล่งผลิต ซึ่งก็คือ สถานที่ที่มีทรัพยากรทางการท่องเที่ยว อาทิ ภูเขา ทะเล น้ำตก แหล่งโบราณคดี พระราชวัง สวนสนุก

2. องค์ประกอบที่สนับสนุนกิจกรรมทางการท่องเที่ยว

องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับนักท่องเที่ยว (องค์ประกอบหลัก) แบ่งออกเป็น
สิ่งดึงดูดใจทางการท่องเที่ยว
ธุรกิจการคมนานคมขนส่ง ทั้งทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ
ธุรกิจที่พักแรม
ธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคาร
ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์
องค์ประกอบที่สนัสนุนกิจกรรมทางการท่องเที่ยว (องค์ประกอบเสริม) แบ่งออกเป็น
ธุรกิจจำหน่ายสินค้าที่ระลึก
ธุรกิจการประชุม สัมมนา การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และการจัดนิทรรศการ
การบริการข่าวสารข้อมูล
การอำนวยความสะดวกทางด้านความปลอดภัย
การอำนวยความสะดวกในการเข้า-ออกเมือง
ความสำคัญของการท่องเที่ยว

ทางด้านเศรษฐกิจ

อย่างเช่นรูปภาพในรูปส่งผลต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวมาก
สร้างรายได้เป็นเงินตราเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก
การท่องเที่ยวก่อให้เกิดการหมุนเวียนและกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น
การท่องเที่ยวก่อให้เกิดการนำเอาทรัพยากรมาใช้อย่างคุ้มค่า
การท่องเที่ยวช่วยลดปัญหาการว่างงาน

ทางด้านสังคมและวัฒนธรรม

ในรูปก็จะเป็นการท่องเที่ยววัฒนธรรมนะครับเป็นการทำให้รู้วัฒนธรรมของชาติอื่นๆ
การท่องเที่ยวมีส่วนส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์อันดีของมวลมนุษยชาติ
มีส่วนในการพัฒนา ยกระดับมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคม
ลดปัญหาสังคม เนื่องจากเมื่อคนมีงานทำมีรายได้
มีส่วนช่วยฟื้นฟู อนุรักษ์วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม

- มี ส่วนช่วยให้คนในสังคมรู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์โดยการรู้จักนำผลิตผล ท้องถิ่นมาผลิตเป็นสินค้าพื้นเมือง ของที่ระลึก หรือของใช้ จำหน่ายนักท่องเที่ยว

ทางด้านการเมือง

- ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ช่วย ส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยและภาพลักษณ์ที่ดีให้เกิดมีแก่ประเทศเพราะนักท่อง เที่ยวมักเลือกเดินทางไปประเทศที่มีความปลอดภัยและมั่นคง